คนรวยถักโครเชต์ขายยิ่งรวย คนจนถักโครเชต์ขายยิ่งจน💰💰
ก่อนอื่นเราขอออกตัวก่อนเลยว่านี่เป็นบล็อกแรกใน Steemit ที่เขียนเป็นภาษาไทยเพราะเราสังเกตเห็นว่าทีมคนไทยในนี้เพิ่มขึ้นเยอะกว่าเมื่อก่อนมาก ครั้งนี้กลับมาพร้อมหัวข้อที่ว่าคนรวยถักโครเชต์ขายยิ่งรวย คนจนถักโครเชต์ขายยิ่งจน ฟังจากหัวข้อแล้วเหมือนจะมาพูดเรื่องงานฝีมือถักโครเชต์ แต่จริง ๆ แล้วใจความสำคัญของบล็อกนี้คือเรื่อง mindset ค่ะ
Mindset ก็คือความเชื่อที่ส่งผลต่อพฤติกรรมนั่นเอง และที่เรายกหัวข้อเป็นเรื่องของการโครเชต์ ก็เพราะว่าเราเป็นคนถักโครเชต์ และคร่ำหวอดอยู่กับวงการนักถักด้วยกัน ได้เห็นตัวอย่างมากมายของคนที่แตกต่างกันในสายอาชีพเดียวกันทำให้เราได้คิดสะท้อนว่าเราควรนำสิ่งที่เราเห็นมาปรับใช้กับชีวิตของเรา
เราได้รู้จักนักถักสองคนอย่างไม่เป็นทางการทางโซเชียลมีเดีย โดยสิ่งที่ทำให้เรารู้จักกันก็คืองานอดิเรก นั่นก็คือการถักโครเชต์ คนแรกขอเรียกว่าพี่ A เป็นคนมีฐานะค่อนข้างยากจน ตัวเองร่างกายไม่แข็งแรง ป่วยบ่อย ยึดงานถักโครเชต์เป็นอาชีพหลัก ส่วนสามีเปิดร้านซ่อมรถเล็ก ๆ แถว ๆ หมู่บ้าน คนที่สองขอเรียกว่าพี่ B เป็นคนมีฐานะดีหน่อย และถักโครเชต์เพราะความรักเป็นงานอดิเรก
ความแตกต่างของสองคนนี้ที่เราได้เรียนรู้คือ ความเชื่อที่แตกต่างกัน พี่ A เป็นคนที่ถักโครเชต์ได้สวยมาก ปราณีต เราคิดว่าพี่คนนี้เป็นคนที่จับอะไรก็สวยไปหมด งานของเขาเราดูแล้วตั้งราคาในใจว่าถ้าเสื้อถักหนึ่งตัวงานเนี๊ยบแบบนี้ขายตัวละหมื่นยังมีคนซื้อ แต่พอรู้ราคาที่พี่ A ขายจริง ๆ ถึงกับสะดุ้ง เพราะเขาขายอยู่ที่หลักพันต้น ๆ เท่านั้น บางตัวเป็นเดรสยาวก็ยังอยู่หลักพัน โดยแต่ละตัวใช้เวลาถักไม่ต่ำกว่า3 เดือน พี่ A จะโพสตัดพ้อเรื่องความจน และตอกย้ำความต่ำต้อยด้อยศักดิ์ของตนลงหน้าโซเชียลมีเดียทุกวัน ย้ำ! ทุกวันจริง ๆ จนทำให้เขากลายเป็นซึมเศร้า มีคนเข้าไปให้กำลังใจ ชี้ทาง บอกแนวคิดใหม่ ๆ ให้แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล พักหลังเริ่มเยอะขึ้นทุกวันจนเราจำต้องเลิกเป็นเพื่อนทางเฟสไปอย่างน่าเสียดาย เพราะเรารู้สึกหดหู่ตามเวลาที่อ่านโพสของเขา แต่ก็ยอมรับนับถือในงานฝีมือสวย ๆ ที่เขาสร้างขึ้นแต่ละชิ้น
ส่วนพี่ B เธอเนื่องจากเป็นคนมีฐานะอยู่แล้ว เธอก็ถักงานของเธอด้วยความบันเทิงใจและที่สำคัญเธอขายในราคาที่เท่ากับฐานะของเธอ นั่นคือราคาเหยียบหมื่น ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วเนื้องานที่ถักออกมาไม่ได้แตกต่างอะไรกับของพี่ A เลย สิ่งสำคัญที่เราเห็นในตัวพี่คนนี้คือเขาเป็นคนที่ใจสู้ และมองเรื่องต่าง ๆ ในแง่บวก มองผิดเป็นครู และรู้ว่าตัวเองอยากเป็นคนแบบไหน ใช้ชีวิตยังไง พี่ B ก็ยังทำงานอย่างสบายใจต่อไป และก็มีลูกค้าติดด้วยนะเออ ตอนนี้พี่ B ก็มีคนขอเข้ามาเป็นลูกศิษย์ มีลูกค้าประจำไปอย่างสบาย ๆ อืม..สบายใจ สบายกาย ชีวิตดีจัง
คำถามคือ ถ้าให้เลือกระหว่างสองคนนี้ เราอยากเป็นคนไหน...
จริง ๆ แล้วอิทธิพลที่ทำให้คนแต่ละคนมี mindset ที่แตกต่างกันนั้นก็หนีไม่พ้น ลักษณะเฉพาะตัวของแต่ละคน ที่เกิดจากประสบการณ์ที่เราได้เจอมาตลอดทั้งชีวิตของเรา สิ่งเหล่านั้น หล่อหลอมให้เราเป็นเรา และมีความคิดอย่างที่เรามีในทุกวันนี้
"เราสามารถพัฒนา mindset ได้มั้ย" คำตอบคือ ได้สิ ถ้าพูดรวบ ๆ ง่าย ๆ เลยคือ เราต้องคิดอย่างคนสู้ คิดในเชิงบวก ถ้าเราเชื่อว่าเราจน เราก็จน แต่ถ้าเราคิดว่าเราเป็นเศรษฐินีเราก็เป็นเศรษฐินี ลองหลับตาคิดว่าเราอยากเป็นคนแบบไหน อยากได้อะไร แล้วรู้สึกถึงความสุขจากการเป็นหรือได้รับสิ่งนั้น ๆ ฝึกแบบนี้กับจิตของเราไปซักพักเราจะรู้สึกถึงความแตกต่างของชีวิต
เอ่อ..แล้วก็ยังมีวิธีการพัฒนา mindset ทางกายภาพด้วยนะเออ (จริง ๆ พวกนี้มันจะมีศัพท์เรียก แต่เราไม่อยากเอาศัพท์อะไรมาพูดให้มันดูเชิงวิชาการเกินไป เลยขออธิบายแบบเล่าให้ฟัง) วิธีง่าย ๆ ก็คือลองจัดบ้านใหม่ ทำความสะอาดบ้าน ย้ายเฟอร์นิเจอร์ จัดตารางการทำงานใหม่ ไปเข้าคอร์สเรียนรู้เรื่องใหม่ ทำความรู้จักเพื่อนใหม่ พูดง่าย ๆ คือปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมรอบตัวเราใหม่ ทำไปพร้อมกับความคิดที่เปลี่ยนไปว่า "ฉันเป็น..........." "ฉันมี........................" เช่น ฉันเป็นผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จ ฉันเป็นที่รักของทุกคน ฉันมีอิสระทางการเงิน เป็นต้น
ครั้งหนึ่งพระพุทธเจ้าเคยตรัสว่า "It's your mind that creates the world" หรือแปลเป็นไทยว่า "ความคิดของคุณเป็นตัวกำหนดโลก"
ตัวเราเองเคยลองเปลี่ยน mindset ตัวเองเหมือนกัน ลองไปลองมา จากที่ทำงานพนักงานประจำมีชีวิตอยู่ได้กับเงินเดือน ตอนนี้เราได้ทำงานที่เรารักก็คือการเป็นนักแปลภาษาฟรีแลนซ์ และทำงานอดิเรกเป็นถักโครเชต์โดยใช้วัสดุออแกนิกอย่างที่เราศรัทธา และสิ่งเหล่านี้สร้างรายได้ให้เราสามารถเลี้ยงตัวเองได้ แถมได้มากกว่าตอนทำงานประจำอีก แต่เรายังไม่หยุดแค่นั้นนะ เรามีอีกหลายอย่างในชีวิตที่ตั้งเป้าไว้ ตอนนี้การวิ่งไปชนเป้าหมายเป็นเรื่องที่สนุกมากสำหรับเรา ใครอยากรู้ว่าสนุกยังไง ก็ต้องลองดูสักตั้ง
Blog: วิกาวี มังคละ (เราเขียนเอง) :)
Reference: http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/635442
Photos: www.pexels.com
❤สวัสดีค่ะยินดีที่ได้รู้จักค่ะ @wikawee อ้อมชอบข้อความในโพสต์ของพี่จังค่ะ คำที่ว่าครั้งหนึ่งพระพุทธเจ้าเคยตรัสว่า ความคิดของคุณเป็นตัวกำหนดโลก❤👍
อ้อมก็ฟังคำพระพุทธเจ้าเหมือนกันค่ะ ยางลิงค์ด้านล่างก็น่าฟังค่ะ
คำจากพระพุทธเจ้าเรื่อง กรรมเปรียบด้วยก้อนเกลือ
@sunisa ขอบคุณนะคะอ้อม สำหรับวิดีโอเสียง เห็นแล้วเปิดฟังก่อนเลย :) ยินดีที่รู้จักเช่นกันจ้า เราหนิงนะ
สวัสดีค่ะ คนไทยรึเปล่า ไม่เคยเห็นโพสต์ของคุณเลย
@tookta คนไทยค่ะ แรก ๆ ที่เข้ามาใหม่ ๆ ไม่เจอคนไทยเลย ก็เลยทำโพสเป็นภาษาอังกฤษเยอะหน่อยค่ะ เดี๋ยวตอนนี้มีเวลาจะเริ่มเขียนภาษาไทย
ยินดีต้อนรับค่ะ โปรดอ่านบทความนี้สักนิดนะคะ จะเป็นผลดีกับคุณ https://steemit.com/thai/@tookta/9s6nc
ขอบคุณค่ะ
อ่านแล้ว เยี่ยมมากค่ะ ขอบคุณที่แนะนำนะคะ
ช่วยกรุณาถอนโหวตจากโพสต์ของคุณด้วยค่ะ คุณลองอ่านโพสต์ที่เราส่งให้คุณอีกทีนึงนะคะ พวกเราชุมชนไทยมีกฎ ๓ ข้อ ถ้าคุณอยากจะได้ผลโหวตจาก curie ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
ถอนละคะ
ขอบคุณมากค่ะ
มาเจอกันจนได้ พี่หาค้นชื่อน้องไม่เจอ ตอนแรกที่เราคุยกันเมื่อสี่ ห้าเดือนก่อนโน่น เลื่อนไปดูชื่อเพื่อนๆคนไทยรีบล๊อกไว้ ก็หาไม่เจอ มามาอยู่รวมตัวกันในไทยทีม 😍
@julee ไม่ได้เข้ามาที่นี่นานมากค่ะ งานล้นไปหน่อย เผลอแป๊บเดียวคนไทยเยอะเลย ดีใจอ่าาา
ใช่ๆตอนนั้นไม่ค่อยเจอคนไทย ถึงได้โพสต์อังกฤษ กัน อาศัยอ่านชื่อ ถ้าชื่อเหมือนคนไทยพี่ก็จะถาม ยินดีต้องรับสู่ทีมไทยนะ เรียกพี่กุ้งก็ได้จ้า
@julee ขอบคุณค่ะพี่กุ้ง หนูชื่อหนิงนะคะ 💗💗💗
🤗🤗 Welcome To Steemit #Thai Community. 🇹🇭🇹🇭 ขอให้สนุกกับที่นี้น่ะค่ะ ยินดีต้อบรับอีกครั้งน่ะค่ะ😻👭😻
@kanokwan ขอบคุณค่ะ ตอนนี้กำลังไล่ follow เพื่อน ๆ คนไทยค่ะ 😂
ค่าาาาาาาา ขอให้สนุกน่ะค่ะ😗😗💞