จงพยายามให้มากกว่าความคาดหวัง
ตราบใดที่คุณยังโหยหาความสำเร็จอยู่ จงพยายามให้มากกว่าความคาดหวังของคุณ จนกระทั่งคุณไม่ต้องการมันแล้ว
สวัสดีเพื่อนๆชาวสตีมอิมทุกท่านครับ วันนี้เรามาพบกันอีกแล้ว วันนี้ผมจะขอแบ่งปันในเรื่องของ แนวคิดเรื่องความสำเร็จครับ ซึ่งตามประสบการณ์ของผมแล้ว ผมได้มีโอกาสร่วมงานกับเพื่อนร่วมงานหลายๆ Background ต่างที่มาต่างอายุต่างความคิด ต่างประสบการณ์ แต่ที่สิ่งที่ทุกคนมีคล้ายๆกันคือ เป้าหมายหรือความคาดหวังครับ
เพื่อนบางคนอาจสงสัยว่าทำไมวันนี้ผมถึงต้องมาแบ่งปันในเรื่องของความคาดหวังและความพยายาม แน่นอนครับเพื่อนๆในการที่เราจะเริ่มต้นทำอะไรสักอย่าง เราต้องมีแรงจูงใจให้ทำในสิ่งนั้นและทุกคนย่อมมีความคาดหวังในผลลัพธ์ของการกระทำนั้นๆด้วยถูกต้องไหมครับ ที่นี้ เมื่อทุกคนมีเป้าหมายสิ่งที่แตกต่างกันคือ ใครจะสามารถพิชิตเป้าหมายนั้นได้ ใครที่ไปได้แค่ครึ่งทางใครที่ยอมแพ้ตั้งแต่เริ่มต้น
คำถามต่อมาคือ เราจะสามารถไปยังเป้าหมายของเราได้อย่างไร สมมุติว่าเราต้องการเดินทางจากกรุงเทพไปเที่ยวที่ทะเลในภาคใต้ บางคนก็อาจจะเลือกเดินมีไหมฮ่าๆๆ ล้อเล่นนะครับล้อเล่น บางคนก็อาจจะเลือกที่ขับรถยนต์ไป เพื่อความสะดวกและความเป็นส่วนตัว บางคนอาจจะชอบนั่งเครื่องบินเพราะมันเร็วกว่า และบางคนอาจจะชอบนั่งรถไฟ เพราะมันได้สัมผัสบรรยากาศและธรรมชาติระหว่างเดินทาง แถมยังประหยัดอีกด้วย แล้วทุกคนก็ไปถึงเป้าหมายเหมือนกันถูกต้องไหมครับ แต่ก็แน่นอนนี่มันเป็นเพียงเป้าหมายที่ง่ายๆ ที่ใครๆก็สามารถทําได้ แต่ถ้าเป็นเป้าหมายที่ยากๆเป้าหมายที่จะเปลี่ยนชีวิตของคนคนนึงไปซึ่งต้องอาศัยความพยายามอย่างยิ่งยวดจะมีใครบ้างล่ะที่สามารถไปถึงมันได้ นอกเสียจากคนที่มีความพยายามสูง ดังสำนวนที่ว่าความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น
แต่วันนี้ครับพิเศษนิดนึง ประเด็นที่ผมจะมาแบ่งปัน ก็คือเราต้องพยายามมากเท่าไหร่ล่ะถึงจะประสบความสำเร็จได้ตามเป้าหมายที่เราตั้งไว้ เรื่องนี้เป็นเรื่องง่ายๆครับที่หลายๆคนอาจมองข้าม ดังที่ผมเขียนไว้ตอนแรก
ตราบใดที่คุณยังโหยหาความสำเร็จอยู่ จงพยายามให้มากกว่าความคาดหวังของคุณ จนกระทั่งคุณไม่ต้องการมันแล้ว
ยกตัวอย่าง ง่ายๆว่าเดือนนึงผมอยากมีเงินเดือนสัก 50000 บาท ซึ่งผมต้องทำโอทีประมาณ 40 ชั่วโมง ต่อเดือน สมมติว่าผมทำงาน 20 วันต่อเดือน แสดงว่าผมต้องทำโอทีวันละประมาณ 2 ชั่วโมง ถึงจะได้ตามเป้า ใช่ไหมครับ และเวลาวางแผนผมจะใช้กฎ 20 เปอร์เซ็นต์ในการวางแผนครับ ผมจะตั้งเป้าหมายในการทำโอที อย่างน้อย 2.5 ชั่วโมงต่อวัน ดังนั้นถ้าผมทำโอทีตามที่ผมวางแผนไว้ที่ทั้งเดือนผมจะมีจำนวน 50 ชั่วโมง ซึ่งบรรลุเป้าหมายผมแล้ว แต่ใครจะรู้ว่าบางวันเราอาจมีธุระที่ต้องออกไปทำซึ่งทำให้เราไม่สามารถทำโอทีได้ เราก็มีตั้ง 10 ชั่วโมงอยู่แล้วที่เผื่อไว้ถูกต้องไหมครับ หรือถ้าเทียบเป็นวันเราสามารถออกโอทีได้ประมาณ 5 วัน เราก็ยังสามารถบรรลุเป้าหมายของเราได้ เห็นไหมคำว่ามันง่ายนิดเดียวแค่เราวางแผนก่อนแค่นั้นเองและเพื่อเป้าหมายไว้นั่นหมายถึงเราพยายามที่จะสำเร็จมากกว่าที่เราคาดหวังไว้ถึงแม้ได้น้อยกว่าที่ตั้งไว้แต่ก็ยังได้ตามเป้าหมายจริงๆของเรา
เทคนิคนี้สามารถประยุกต์ใช้กับหลายๆอย่างได้ไม่ว่าจะเป็นการเก็บเงินออมเงินในแต่ละเดือนนะครับผมก็ใช้กฎ 20% นี้เหมือนกัน
บางคนพยายามเรียนรู้และมุ่งมั่นอดทนจนสำเร็จ
แต่บางคนแค่เริ่มต้น เจอปัญหานิดหน่อยก็ท้อและล้มเลิกซะแล้ว ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้เพื่อนๆทุกคนนะครับ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆทุกคนนะครับ บทสรุปของบทความนี้ก็คือ
ตราบใดที่คุณยังโหยหาความสำเร็จอยู่ จงพยายามให้มากกว่าความคาดหวังของคุณ จนกระทั่งคุณไม่ต้องการมันแล้ว
ไว้เจอกันใหม่บทความหน้านะครับ ขอบคุณสำหรับการติดตามและอัพโหวตนะครับ
สงสัยผมต้องเอาคุณเป็นตัวอย่าง
ขอบคุณครับ
ขอบคุณโพสต์ดีๆ ค่ะ ชอบจังค่ะ" พยายามให้มากกว่าความคาดหวัง" ฟังดูเหมือนง่ายแต่บางทีก็ทำยากนะค่ะ :)แต่จะพยายามค่ะ 😊
สู้ๆนะครับ