Nature Scape 5 วัน 4 คืน เพื่อพิชิตยอดเขาโมโกจู จังหวัดกำแพงเพชร
สวัสดีครับชาว Steemian ทุกท่าน / Hello!! Steemian!!
หลังจากได้มีคนแนะนำให้ประกวดกิจกรรมดีๆ ของ @thaiteam ในหัวข้อ Nature Scape พร้อมติดแท็ก #thaiphotocontest10 นั้น
ผมก็ไม่รอช้าที่จะสรรหารูปสถานที่ในดวงในของผมมาเพื่อให้ทุกท่านได้รับชม และเพื่อประกวดในกิจกรรมดังกล่าว
งั้นเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาขอเริ่มต้นเลยดีกว่า
ยอดเขาโมโกจู หลายๆท่านอาจจะไม่รู้จัก หรือคุ้นหู แต่ถ้าบอกว่า อุทยานแห่งชาติแม่วงศ์ จังหวัดกำแพงเพชร... หลายๆท่านอาจจะพอรู้จักกันบ้าง เพราะที่นั้นใครๆก็จะคุ้นหูในสถานที่เที่ยวที่เรียกว่า "ช่องเย็น"

แต่...ผมไม่ได้พาไปเที่ยวช่องเย็นนะครับ ผมจะพาไปขึ้นยอดเขาตั่งหาก ยอดเขานี้มีชื่อว่า "โมโกจู" เป็นภาษากะเหรี่ยง แปลว่า ฝนตกตลอดเวลา
โมโกจู เป็นสถานที่ที่ผมมีความตั้งใจว่าจะไปหลายปีแล้ว แต่ไม่มีโอกาสสักที เพราะอะไร............ การเดินทางลำบากหรอ ไม่ใช่ไปกำแพงเพชรนั้นง่ายนิดเดียว
แต่...ที่ไม่ได้ไปเพราะว่าทางอุทยานเปิดให้เข้าแค่ปีละครั้ง!!!
...ครั้งละ 24 กรุ๊ป!!!
...กรุ๊ปละ 12 คน!!!
...รอบละ 2 กรุ๊ป / อาทิตย์!!!
...ต้องจองแย่งเก้าอี้เข้าไปร่วมทริปกับคนทั้งประเทศอีก!!!
...ต้องหยุดงานอีก 3-5 วัน!!!
โหหหหหหห อะไรจะขนาดนั้น แต่เชื่อเถอะ นี้คือเรื่องจริง
บนยอดโมโกจูนั้นมีดีอะไร ทำไมต้องลำบากยากเย็นขนาดนั้น ผมขอตอบตรงนี้เลย "มีแค่ก้อนหินก้อนเดียว" ฮ่าๆๆๆ ก้อนหินนั้นคือปลายทาง แต่เรื่องราวและความทรงจำของเรามันอยู่ระหว่างทาง (โคตรเท่ห์ (ชมตัวเองก็เป็น))
และแล้วก็ถึงคิวของผมที่ได้ไปโมโกจูสักที รอบนี้บังเอิญได้เข้าร่วมทริปกับคนไม่รู้จักอีก 11 คน และเป็นที่โชคดีอะไรเช่นนั้นรอบนี้เปิดให้เดินกันถึง 5 วัน 4 คืน กันเลยทีเดียว !!
อะไรเนี่ย ผมต้องไปกิน ไปนอน ไปร่วมทริปใช้ชีวิตในป่ากับคนที่ไม่รู้จักอีก 11 คน และอยู่ด้วยกันตั้ง 5 วัน เลยหรอ !!! โอ้ววว แม่เจ้าาาาาาาาาาาาา
แต่ใจมันรัก ใจมันอยากไป ใจมันเรียกร้อง ก็จะไป ^_^ (พอได้เจอเพื่อนๆร่วมทริป ทุกคนน่ารักมากกกกก)
ก่อนวันที่ 1 ของการเดินทาง
ทุกคนลงมติว่าเจอกันหน้างาน (อุทยาน)
อ้าวววที่ 1 แล้วผมละตัวคนเดียวไปยังไง แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะผมมีสายเลือด Backpacker อยู่ในตัวอยู่แล้ว รออะไร จัดไป รถทัวร์ กรุงเทพ - กำแพงเพชร ไปถึงที่ 4 แยกก่อนเข้าอุทยาน ตอนตี 4 (ไม่มีรถเข้าอุทยาน)
อ้าวววที่ 2 ตี 4 !!! จะมีรถวิ่งเข้าอุทยานมั้ยยยยยยย เอาไงดี!!! ณ เช้ามืดของวันนั้นอาจมีคนเห็น ผู้ชายคนนึ่งสะพายเป้ใบใหญ่ๆ ยืนใต้เสาไฟของการไฟฟ้า โบกรถอยู่ก็เป็นได้ (บริ๊ยยยยยยยยยย)
ตี 4 กว่าก็แล้ว ก็ไม่มีรถผ่านมาสักคัน จนในที่สุดสวรรค์ทรงโปรดไม่ทอดทิ้ง มีรถกระบะคันนึ่งผ่านมา ผมก็ยกมือโบกทันที เจ้าของรถใจดีให้ติดรถไปด้วย ...เค้าไม่ได้เข้าอุทยาน
อ้าวววที่ 3 เค้าไม่ได้เข้าอุทยาน !!! แล้วเอาไง สุดท้ายคนขับรถคันน่ารักมาก บอกว่าจะไปพาส่งหน้าทางเข้าอุทยานให้ และให้ผมไปต่อรถของเจ้าหน้าที่อุทยานเข้าไปอีกครั้งหนึ่ง
6 โมงเช้า ผมก็ไปเจอเพื่อนร่วมทริปที่จุดนัดหมายได้ทันเวลา คือ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อุทยานแห่งชาติแม่วงศ์
เริ่มวันที่ 1 ของการเดินทาง
08.00 น. ทุกคนจัดเตรียมสัมภาระและแบกเองเท่าที่จะแบกได้ (เฉลี่ยคนละประมาณ 14-16 กิโล) ฮ่าๆ วันแรกของการเดินนี้ เพื่อไปถึงจุดกางเต้นท์ที่ 1 คือ 16 โล .... ร้อนละเหนื่อยมาก ไม่มีต้นไม้สักต้น เพราะทางอุทยานกำลังสร้างถนนเข้าจุดกางเต้นท์ที่ 1 .... เอิ่มมมม มีถนน มีรถ แต่ให้เราเดิน !! จ้ะเดินก็เดิน
15.30 น. โดยประมาณ ถึงจุดกางเต้นท์ที่ 1
วันที่ 2 ของการเดินทาง
08.00 น. ทุกคนทิ้งสัมภาระที่ไม่จำเป็น และเพื่อกลับมาในวันที่ 4 ไว้ที่จุดกางเต้นท์ที่ 1 ฮ่าๆๆๆ (หนักมากจากการเดินวันแรก) เป็นการลดน้ำหนักกระเป้ให้เดินได้คล่องขึ้น (วันที่ 2 นี้ สภาพเริ่มเป็นป่าและเดินชิวเลยละทีนี้)
12.00 น. โดยประมาณ ไปถึงจุดกางเต้นท์ที่ 2 วันนี้เดินง่ายและน้อยจัง
คิดผิดแล้วครับ เจ้าหน้าที่ถามว่ามีใครจะไปเล่นน้ำตกมั้ย ต้องเดินไปอีก 2 ชั่วโมง และกลับอีก 2 ชั่วโมง ... รีรอไปละครับ จัดไปไหนๆก็มาแล้ว ไปถึงสภาพก็ตามนี้แหละครับ สวยมาก และน้ำเย็นมาก และแรงมาก
วันที่ 3 ของการเดินทาง (เป้าหมายคือ ก้อนหิน)
ทางในการเดินของวันที่ 3 นี้ ไม่เหมือนกับทุกๆวันที่ผ่านมา เดินเรียบๆง่ายๆ ชิวๆ แค่เดินนาน แต่ในวันนี้ มีแต่ขึ้นเขา ลงเขา ขึ้นเขาลงเขาตลอดเวลา
เริ่ม 08.00 น. ถึงจุดกางเต้นท์ที่ 3 ประมาณ 15.00 น. ที่สำคัญ ฝนตกตลอดทางเลยจ้าาาาาาา .... ลื่น เละ เปียก แฉะ และทากเยอะมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ไปถึงจุดกางเต้นท์ที่ 3 ใช่ว่าจะได้เจอก้อนหินซะเมื่อไหร่ ต้องเดินขึ้นเขาไปอีก 1 กิโล !!! แต่ไม่ใช่ปัญหาทิ้งสัมภาระทั้งหมดและเดินตัวปลิวกันเลยยยยย
สุดท้ายในวันนี้ก็ได้เจอก้อนหินสักที ฮ่าๆๆๆ ตามรูปเลยครับ
นี้คือวิธีการขึ้น - ลง
ทำไมต้องมีคนคอยช่วยดันละ คำตอบคือ ไม่มีทางขึ้น และ ด้านล่างคือทางลงยาวๆ ถึงตีนเขา ฮ่าๆๆๆ พลาดทีก็ได้เฝ้าป่าเลยแหละ
นี้คือ รูปทะเลหมอกที่เหมือนจะธรรมดา แต่ไม่ธรรมดานะครับ เพราะหลายๆคนเห็นหมอกในสภาพนิ่งๆ เป็นรูปสวยๆ แต่ของผมนี้ หมอกกินภูเขา !!!!! ค่อยๆกลืน ช้าๆ (เคยเห็นครั้งแรกในชีวิตเลย)
ส่วนอันนี้คือ พระอาทิตย์ตกดิน บน ยอดเขาโมโกจู ครับ เห็นเป็นรูปอะไรกันบ้าง
ส่วนวันที่ 4 และ 5 ก็ไม่มีอะไร เดินกลับทางเดิมอย่างเดียว
และนี้คือสิ่งที่ทางอุทยานมอบให้กับผม และเพื่อนร่วมทริปทุกคน
เป็นยังไงครับ เรื่องราวมันอยู่ระหว่างทางจริงๆ ใช่มั้ยครับ ทุกท่านอ่านแล้ว สนุกมั้ย แต่เชื่อเถอะสิ่งที่ผมเล่ายังไม่ได้ครึ่งหนึ่งของเรื่องจริงเลย
ถ้ามีโอกาสผมก็อยากจะกลับไปเก็บความทรงจำอีกสักรอบ แต่ต้องดูร่างกายก่อนด้วยแหละ ฮ่าๆๆ และแนะนำให้ทุกท่านเข้าป่ากันด้วยนะครับ เพื่ออากาศบริสุทธิ์, เพื่อตัดขาดจากโลกภายนอก, เพื่องดใช้สมองใช้แต่แรงอย่างเดียว และเพื่อสุขภาพของท่านเอง
ปล.ที่ 1 หลายท่านอาจสงสัยไปตั้ง 5 วัน แบกน้ำไปกี่ลิตรเนี่ย
คำตอบ : อยู่ในรูปนี้ครับ ทุกคนเอาน้ำไปแค่ 1.5 ลิตร (ขวดละ 13 บาท) แค่ขวดเดียว ที่เหลือ....เติมระหว่างทางไม่มีจำกัด ^_^
ปล.ที่ 2 ทำไมเห็นเสื้อส้มบ่อยจังใส่กี่ครั้งเนี่ย
คำตอบ : ใส่เสื้อส้มทุกวันตลอด 5 วันครับ (ซักนะ แต่ไม่แห้ง ฮ่าๆๆๆๆ) /// ผมเอาชุดเดินป่า 1 ชุด (เสื้อส้ม), ชุดนอน 2 ชุด, ชุดกลับบ้าน 1 ชุด เพราะพื้นที่ในกระเป่ามีไว้เพื่ออาหารล้วนๆ ^_^ ไม่ใช่ผมคนเดียวที่เน่านะ เน่ากันทุกเลยเลยยยยยยยยยยยยยยย
ขอบคุณมากครับที่สละเวลาอ่านจนจบ
Yours sincerely,
@Nanart
กว่าจะได้เข้าอุทยาน เจออะไรเยอะเยะเลยนะคะ
ชอบเรื่องเล่าอ่านแล้วสนุกดีค่ะ รูปก็สวยมากด้วย ^^/
ขอบคุณมากครับ เรื่องราวของการไปเที่ยว ความสนุกมันอยู่ระหว่างทางจริงๆคร้บ ^^ ยังมีอีกหลายที่เที่ยวเลย แต่ผมประทับใจที่นี่ที่สุด เพราะยากตั้งแต่ยังไม่ได้ไปเลย
Nature Scape Contest ครั้งที่ # 1
นอกจากนี้ ยังได้รับ ป้ายเสนอชื่อ กำกับคุณภาพ ในนามของ @thaiteam ป้ายนี้
คุณสามารถเพิ่มเติม ในโพสต์นี้ได้ โดยการแก้ไข แต่ไม่สามารถ นำไปใช้ในโพสต์อื่น
เนื่องจาก เป็นป้ายกำกับคุณภาพของ @thaiteam.
Good Work!
@thaiteam
ขอบคุณครับ